1. Account ของเราเปรียบเสมือนห้องของเรา โดยทั่วไปในชีวิตจริงเราไม่เชิญคนแปลกหน้าหรือคนที่เราไม่คุ้นเคยเข้าห้องส่วนตัวของเรา ก็เช่นกันกับใน FB, IG หรือ Twitter ที่จัดเป็นพื้นที่ส่วนตัวเช่นกัน (เว้นแต่คุณจะเป็นพ่อค้าแม่ค้า หรือตั้งใจจะหาประโยชน์จากการได้ทำความรู้จักคนแปลกหน้า)
2. Follow เฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่ follow สิ่งที่ทำให้เกิดโทษ สิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่น กลุ่มที่สนใจงานอดิเรกเช่นเดียวกับเรา หรือเพจที่ทำให้เราก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เพจที่ดูที่อ่านแล้วสบายใจ ส่วนสิ่งที่ทำให้เกิดโทษ เช่น เพจที่อ่านคอนเทนต์แล้วเกิดความรู้สึกโกรธ เกลียดเป็นประจำ ไปจนถึงมีเนื้อหาที่ทำให้นอนไม่หลับ ในความเป็นจริง เราคงไม่กินยาพิษเพื่อหวังจะให้ชีวิตดีขึ้น ฉันใดก็ฉันนั้น
3. Unfollow เพื่อนที่มีชีวิต toxic ออกไปเสียบ้าง ประเภทบ่นเช้าบ่นเย็น ดราม่าตลอดเวลา หรือด่าลอย ๆ แบบทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าหมายถึงเราหรือเปล่า นอกจากนี้ หัวข้อบางอย่างที่ส่งแรงสะเทือนต่อจิตใจ หากปิดกั้นไปได้ใจเราก็จะสงบสุขขึ้น ข้อดีของ social network คือเราสามารถควบคุมได้ว่าจะให้มีชีวิตของใครหรือสิ่งใดบ้างที่แสดงต่อหน้าเรา
4. การแสดงความเห็นอย่างไตร่ตรองเป็นสิ่งที่ยาก แต่การอดทนไม่แสดงความคิดเห็นเป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า โลกเสมือนนั้นหมุนเร็วจนทำให้ความยับยั้งชั่งใจของคนเราน้อยลง เราไม่ควรพิมพ์อะไรไปด้วยอารมณ์หากความเห็นนั้นไม่เป็นประโยชน์และอาจทำให้เกิดโทษในภายภาคหน้า ดราม่าอาจสนุกเมื่อไม่มีเราอยู่ในนั้น แต่จะไม่สนุกเลยหากเรากลายเป็นตัวละครหนึ่งของดราม่าเสียเอง
5. Detox ตัวเองออกจากโลกเสมือนเสียบ้าง การเล่น social network เป็นเวลานานนอกจากจะทำให้เสียสุขภาพกายจากการต้องก้มคอหรือใช้สายตาต่อเนื่องแล้ว ยังสามารถทำให้เสียสุขภาพจิตจากการอยู่ติดหน้าจอโดยไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวหรืออาจเกิดจากการเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับชีวิตคนอื่นที่ “ดีกว่าเสมอ” ในโลกเสมือนจริง ฉะนั้น วางมือถือ ไปออกกำลังกาย ทำงานอดิเรกอื่นที่ได้ใช้ร่างกายบ้าง จะทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้

รศ.นพ.ธีรยุทธ รุ่งนิรันดร